วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2556

                                  ประโยชน์ของน้ำผลไม้
ในน้ำผลไม้สดๆ จะอุดมไปด้วยเอ็นไซม์ซึ่งมีคุณสมบัติที่จะช่วยเสริมการทำงานของระบบย่อยอาหารจึงส่งผลให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารที่จำเป็นได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เอ็นไซม์จากพืชนี้มีความสำคัญอย่างมากต่อการ Electrolytes ซึ่งจะช่วยให้ของเหลวไหลเวียนไปทั่วร่างกายอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ และมีประสิทธิภาพ   
ถ้าในแต่ละวัน คุณดื่มน้ำผลไม้ให้ได้สัก 2 ชนิด ร่างกายก็จะได้รับสารอาหารที่จำเป็นมากมาย ทั้งสารแอนตี้ - อ๊อกซิแดนท์ วิตามิน และแร่ธาตุต่างๆ ซึ่งมีประโยชน์ในการช่วยขับสารพิษ เสริมภูมิคุ้มกัน ช่วยป้องกันภาวะการอักเสบ และสร้างสภาพแวดล้อมที่จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดเนื้องอก น้ำผลไม้ยังช่วยในเรื่องของการทำให้สะอาด ย่อย และขจัดของเสีย นอกจากนั้นกรดที่มีอยู่ในพืช สารเพคติน และเอ็นไซม์ ยังช่วยรักษาความสมดุลของความเป็นกรดและด่างอีกด้วย
ในยามที่ร่างกายเจ็บป่วย น้ำผลไม้ก็เป็นเครื่องดื่มที่ย่อยง่าย และช่วยเสริมกำลังวังชาให้กับผู้สูงอายุ หรือคนที่รู้สึกอ่อนเปลี้ยเพลียแรง อีกทั้งช่วยให้คนไข้หลังผ่าตัดฟื้นตัวได้เร็วขึ้น


                                               เคล็ดลับเกี่ยวกับน้ำผลไม้
สำหรับผู้ที่ลดความอ้วน การดื่มน้ำผลไม้สดวันละ 1 -2 แก้ว จะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ชดเชยส่วนที่ขาดไป
* อย่าใช้ผลไม้ที่ไม่มีคุณภาพ เช่น ผลไม้เสีย ผลไม้ใกล้เน่า มีรอยตำหนิช้ำดำ หรือผลไม้ฝานที่เหลือค้างจากมื้ออื่น เพราะจะทำให้เกิดกระบวนการหมักซึ่งไม่เป็นผลดีกับระบบย่อยอาหารของเราเลย ทั้งทำให้เกิดลมในท้อง เรอ จุกเสียด และปวดท้องอย่างรุนแรง ได้ไม่คุ้มเสียอย่างนี้ สู้ยอมควักสตางค์จ่ายเพิ่มขึ้นอีกนิดซื้อผลไม้สวยๆ สดๆ ดีกว่าค่ะ
* ทางที่ดีไม่ควรผสมน้ำผลไม้เข้ากับน้ำผัก เพราะจะทำให้เกิดกระบวนการหมักขึ้นได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น น้ำแอปเปิลและน้ำผักบางชนิด เช่น แคร์ร็อทและขึ้นฉ่าย สามารถจะผสมกับน้ำผลไม้ชนิดอื่นๆ ได้โดยไม่มีผลข้างเคียง ส่วนมะเขือเทศซึ่งเป็นผลไม้ก็สามารถผสมกับน้ำผักได้เช่นกัน
* ผักที่ซื้อมาจากร้าน ต้องล้างให้สะอาดจริงๆ ก่อนที่จะนำมาใช้ ไม่อย่างนั้นคุณอาจดื่มเอาเชื้อโรคเข้าไปด้วย ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายจนถึงขั้นรุนแรงได้
* น้ำผลไม้ควรจะทำขึ้นอย่างสดใหม่ทุกครั้งและพยายามดื่มทันทีที่ทำเสร็จ ไม่ควรทิ้งค้างเอาไว้นานเกินไป
* น้ำแคร์ร็อทจะให้พลังงานแก่ร่างกายเป็นสำคัญ ดังนั้นจึงไม่ควรดื่มในตอนกลางคืนหรือใกล้เวลานอน เพราะจะทำให้นอนหลับไม่สบายได้
* ถ้าแน่ใจว่าระบบย่อยอาหารของคุณดีพอ การดื่มน้ำผลไม้ผสมหรือน้ำผักผสม ก็เปรียบเสมือนการให้ยาบำรุงขนานเอกแก่ร่างกายทีเดียว แต่สำหรับคนที่ระบบการย่อยไม่ค่อยดีเท่าไหร่ คนที่เลือกอาหาร หรือคนที่พะอืดพะอมได้ง่าย เลือกอย่างใดอย่างหนึ่งจะปลอดภัยกว่าค่ะ
* แม้ว่าการดื่มน้ำผลไม้จะดีกับร่างกาย แต่ก็ควรรับประทานผัก ผลไม้สดควบคู่ไปด้วย เพื่อให้ร่างกายได้รับอาหารที่เป็นกากใย (ไฟเบอร์) อย่างเพียงพอ ซึ่งจำเป็นอย่างมากต่อการขับถ่ายของเสีย



  • ผลไม้ ชะลอความแก่ เสริมความงาม คนเราจะแก่เร็วหรือช้าขึ้นกับสภาพการทำงานของระบบการสร้างเซลล์ และระบบภูติต้านทาน (immune system) สองระบบนี้ช่วยกันทำงาน ต่อสูความเจ็บป่วย โรมรันกับสารพิษและเชื้อโรคแปลกปลอมที่เข้าสู่ในร่างกาย ซ่อมแซมเซลล์ที่สึกหรอหรือถูกทำลาย อีกทั้งสร้างเซลล์และเนื้อเยื่อใหม่เมื่อระบบเซลล์และระบบภูมิต้านทานทำงานได้ดี การแก่ตัวจะเกิดขึ้นน้อยมาก แต่โดยทั่วไป ความแปรปรวนของชีวเคมีในร่างกายอันเนื่องจากความเครียด สารพิษจากสิ่งแวดล้อมการใช้แรงกายที่หนักหักโหมเกินกำลัง รวมทั้งอาหารที่กิน มีส่วนสำคัญมากที่ทำให้ระบบทั้งสองเสื่อมโทรมลง ส่งผลให้แก่เร็วขึ้น การวิจัยทางวิทยาศาสตร์โภชนาการพบว่า เบต้าแคโรทีน วิตามินซี วิตามินอี และซีลีเนียม สามารถต้านความชราภาพได้ด้วย แอนติออกซิแดนท์เหล่านี้ช่วยป้องกันและลดความเสื่อมของเซลล์อันเนื่องมาจากปฏิกิริยาลูกโซ่ของอนุมูลอิสระ (free radicals) ธำรงความแข็งแรงของระบบเซลล์ไว้ได้นาน ดังนี้ ผลไม้ที่สารต้านอนุมุลอิสราจึงช่วยชะลอความแก่ ผลไม้ยังช่วยให้ระบบภูมิต้านทานแข็งแรง ก็เท่ากับรักษาระบบภูมิต้านทานให้ไม่ต้องถูกใช้งานหนัก ก็เท่ากับช่วยชะลอความแก่ไปโดยปริยาย คนกินผลไม้มาก ๆจะเห็นผลทันตา ผิวหนังจะเต่งตึงความเหี่ยวย่นจะปลาสนาการไป รูปหน้าที่สวยจริงก็จะปรากฎไม่ถูกบดบังทำอัปลักษณ์ใบหน้ากางด้วยน้ำและไขมัน รอยย่นจะบางเบา นัยน์ตาจะใสและแจ่มจรัส ผลไม้มิได้ชะลอความแก่แต่ระดับผิว (เผิน) เท่านั้น เพราะผิวเป็นเพียงตัวบ่งบอกสุขภาพคนกินผลไม้มากจะมีโคเลสเตอรอลพอเหมาะ ความดันโลหิตพอดี ตับไตแข็งแรง ทั้งหมดนี้ส่งผลบวกโดยตรงต่อผิวพรรณดังนั้น สุขภาพ ผิวพรรณ ความงาม และการชะลอความแก่จึงเป็นเรื่องเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันมาก นอกจากนั้น วิตามินซีและวิตามินเอยังช่วยให้ผิดเต่งตึงมีน้ำมีนวลโดยตรงอีกด้วย ผลไม้ช่วยรักษาอาการเสื่อยสภาพบางอย่างอันเนื่องมาจากวัยได้ เช่น กินผลไม้ช่วยในสมรรถภาพพทางเพศไม่เสื่อมเร็ว ช่วยป้องกันอาการหลงลืมตามวัย เป็นต้น ในด้านสุขภาพผู้หญิง มีรายงานว่าวิตามินซีและไบโอฟลาโวนอยด์ (bioflavonoids) ในผลไม้ตะกูลส้ม (ที่ใส้หรือแกนของกลีบผล) ช่วยลดการเสียเลือดประจำเดือนให้น้อยและสั้นลงจนไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป
  • ผลไม้ คลายอารมณ์ กินผลไม้มาก ๆ ช่วยทำให้สุขภาพจิตดี เพราะเมื่อไม่เบียดเบียนชีวิต จิตใจย่อมเกิดศานติสุข นอกจากนั้นในผลไม้ยังมีวิตามินและแร่ธาตุหลายอย่างที่นักวิชาการได้พบว่า ส่งผลให้นักนิยมผลไม้เป็นคนอารมณ์ดีกว่าผู้อื่น ความรู้สึกซึมเซา ไม่กระปรี้กระเปร่า และอารมณ์เสียซึ่งหลาย ๆ คนเป็นกัน อาจเกิดมาจากน้ำตาลในเลือดมีระดับต่ำ (hypoglycemia) ผลไม้ โดยเฉพาะน้ำผลไม้คั้นสักแก้ว จักช่วยให้กลับตื่นตัวและเบิกบานได้ โดยไม่ต้องอาศัยกาแฟหรือชาเป็นตัวกระตุ้นอย่างที่เคยชิน กล่าวกันว่าร้อยละ 80 คนที่มีปัญหาร่างกายอ่อนเพลียเรื้อรังหาสาเหตุไม่ได้ มูลเหตุสำคัญมักเกี่ยวข้องกับปัญหาปริมาณโพแทสเซียมและแมกนีเซียมในร่างกายมีน้อยเกินไป การกินผลไม้ที่อุดมด้วยแร่ธาตเหล่านี้ ทำให้เกิดความสมดุลทางเคมีในร่างกาย และแก้ไขปัญหาร่างการอ่อนเพลียได้อย่างวิเศษ
  • ผลไม้ กับการลดน้ำหนัก การกินผลไม้ให้มากเป็นวิการลดน้ำหนักที่ได้ผลดี เพราะร่างกายยังได้รับสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุ อย่างพอเพียงจากผลไม้ที่กินได้มากเท่าที่ต้องการ ร่างกายยังแข็งแรง ขณะที่น้ำหนักตัวลดลงได้ดังปรารถนา ในคนอ้วน กระเพาะอาหารได้ถูกกระตุ้นจนติตนิสัยชอบหลั่งน้ำย่อย ทำให้รู้สึกหิวบ่อย ๆทว่าแม้จะกินจุ ร่างกายกลับยังคงขาดแร่ธาตุและวิตามินที่จำเป็นอยู่ ทำให้เกิดแรงกระตุ้นอยากกิน การลดนำน้ำหนักด้วยการควบคุมอาหารเป็นการหักหาญร่างกาย ซึ่งนอกจากจะไม่สำเร็จถาวรแล้ว ยังทำให้เครียด สุขภาพจิตเสียเอาได้ตรงกันข้าม การหันมากินผลไม้เป็นหลัก ไม่แตกหักกับระบบย่อยอาหารที่นิสัยเสียอยู่แล้วในทันที ผลไม้ยังช่วยให้ระบบร่างกายอื่น ๆ สามารถทำงานได้สมบูรณ์มากขึ้นอีก ผลรวมที่เกิดจึงเป็นน้ำหนักลด แต่จิตใจสดชื่น อารมณ์ดี แถมร่างกายแข็งแรงยิ่งขึ้นอีก ผลไม้นอกจากให้วิตามินและแร่ธาตุอย่างอุดมแล้ว ยังมีเส้นไยที่ช่วยให้หนักท้อง และเป็นผลดีต่อการทำงานของลำไส้ ยิ่งกว่านั้นเส้นใยจากผลไม้ยังช่วยขับพิษ (toxin) และสารตกค้างสะสมที่ผนังลำไส้ออกไปได้อีกด้วย สิ่งตกค้างเหล่านี้หากไม่ถูกขับออก จะส่งผลให้ลำไส้ดูดซึมสารอาหารได้ช้าลง ทำให้รู้สึกอ่อนเพลียและเหนื่อยง่าย






ขอขอบคุณแหล่งที่มาที่ใช้ในการศึกษา1.http://iam.hunsa.com/milkshake6302/article/4186
                                                             2.http://board.palungjit.com/f9/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%89%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%82%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E-198213.html

<iframe width="560" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/uC2uzikUzxQ" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น